วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554


เวียนบรรจบครบศักราชตั้งปีใหม่
ขออวยชัยอวยพรอักษรศรี
ขอทุกท่านพบพานแต่สิ่งดี
มีชีวีสุขสดใสชีพชื่นบาน
ให้สุขภาพสมบูรณ์ทั่งกายใจ
ให้ปลอดภัยแคล้วคลาดประสาทประสาน
งานรุ่งเรื่องเงินรุ่งโรจน์ชัชวาล
สนุกสนานอภิรมย์สมใจปอง
ปีผ่านไปให้ผ่านพ้นตั้งต้นเริ่ม
ที่ดีเพิ่มที่ร้ายลืมไม่มัวหมอง
ปรุงแต่งจิตพิชิตใจไร้ขุ่นข้อง
เปิดสมองรับสิ่งใหม่สดใสพลัน
คิดสิ่งใดลุล่วงสำเร็จได้
ขอเทพไทสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นมิ่งขวัญ
เกิดปัญหาได้ปัญญาเป็นที่มั่น
ให้สร้างสรรค์รับสิ่งดีปีใหม่เอย..

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คำคุณศัพท์ (Adjectives)

คำคุณศัพท์ หรือ Adjectives คือคำที่บอกคุณลักษณะของคำนาม คำสรรพนาม ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ประเภทของ Adjectives
1. Quality adjectives คำคุณศัพท์ที่บอกคุณภาพ เช่น
            good ดี bad เลว ไม่ดี
            happy ความสุข rich รวย
            strong แข็งแรง sweet หวาน
            pretty น่ารัก ugly น่าเกลียด
      He is a good boy.

2. Nation adjectives คำคุณศัพท์ที่บอกเชื้อชาติและภาษา เช่น
            Thai คนไทย ภาษาไทย
            Chinese  คนจีน ภาษาจีน
            English คนอังกฤษ ภาษาอังกฤษ
            American คนอเมริกัน ภาษาอเมริกัน
            Japanese คนญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น
            French คนฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศส
      They are American students.
      We learn the French literature every Monday.
      I like Chinese food.

3. Size adjectives คำคุณศัพท์ที่บอกขนาด เช่น
            long ยาว short สั้
            thin ผอม fat อ้วน
            wide แข็งแรง narrow แคบ
            big ใหญ่ small เล็
      Tom is a tall, thin man.

4. Color adjectives คำคุณศัพท์ที่บอกสี เช่น
            white ขาว black ดำ
            red แดง yellow เหลือง
      She wears a blue dress.
      I like red shirts.
5. Possessive adjectives คำคุณศัพท์ที่บอกความเป็นเจ้าของ เช่น
            my his her his
      It is my pen.
      They are our books.
6. Demonstrative adjectives คำคุณศัพท์ที่ระบุแน่นอน เช่น
            This That These Those
      This table is very big.

7. Ordinal number คำคุณศัพท์ที่บอกลำดับที่ เช่น
            first second third fourth
      Jack is the first child.

8. Cardinal number คำคุณศัพท์ที่บอกจำนวนปริมาณที่แน่นอน เช่น
            one two three four
      She has three sons.

9. Quantitative adjectives คำคุณศัพท์ที่บอกจำนวนปริมาณที่ไม่แน่นอน เช่น
            some, any บ้าง much, many มาก
            little, few น้อย no ไม่มีเลย
      I have some coffee.

ตำแหน่งของ Adjectives ในประโยค ได้แก่
1. หลัง V. to be เช่น
       Alex is handsome.
       I am beautiful.
2. หน้าคำนาม เช่น
I love eating red apples.
3. วางไว้หลังคำกริยาที่แสดงการรับรู้ เช่น
             look (ดู) Sam looks happy.
             taste (มีรส) This coffee tastes sweet.
             feel (รู้สึก) I feel better.
             keep (รักษา) Please keep quiet.
             seem (ดูเหมือนว่า) Billy seems exciting.
             smell (มีกลิ่น) The roses smell good..
             get (ได้รับ) Tom gets smart.
             sound (มีเสียง) Jennifer sounds sweet. 4. วางไว้หลังวลีที่บอก อายุ ความสูง ความยาว และบอกขนาดอื่น ๆ ได้แก่
       old (อายุ) tall (สูง) wide (กว้าง) long (ยาว) etc.
             Amp is ten years old.
             Ken Watanabe is 6 feet tall.
             The hotel is 20 meters high.
             The ruler is 12 inches long. 
    ****เพื่อทดสอบความเข้าใจเรามีแบบฝึกหัดให้ทำพร้อมเฉลย   !!!!!อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ  จงซื่อสัตย์กับตนเอง อย่าแอบดูเฉลยก่อนนะคะ

    แบบฝึกหัด 1
    เรียงลำดับคำนามและคำคุณศัพท์ในวงเล็บตามกฎไวยากรณ์.
  1. I have a (white / dress) ____________.
  2. This plant has (red / flowers) ____________.
  3. I bought a (bag / small) ____________.
  4. Mr. David has a pair of (shoes / big) ____________.
  5. Chris drives a (car / small) to work. ____________.

    แบบฝึกหัด 2
    เลือกคำที่ถูกต้องในวงเล็บ
  1. This car is (fast / fastly).
  2. She looks (happy / beautifully).
  3. The teacher gets (angrily / angry).
  4. Mr. William feels (upset / happily).
  5. That sounds (beautifully / interesting).


    เฉลยแบบฝึกหัด 1
    เรียงลำดับคำนามและคำคุณศัพท์ในวงเล็บตามกฎไวยากรณ์.
  1. I have a (white / dress) white dress.
  2. This plant has (red / flowers) red flowers.
  3. I bought a (bag / small) small bag.
  4. Mr. David has a pair of (shoes / big) big shoes.
  5. Chris drives a (car / small) small car to work.

    เฉลยแบบฝึกหัด 2
    ขีดเส้นใต้คำที่ถูกต้องในวงเล็บ
  1. This car is (fast / fastly).
  2. She looks (happy / beautifully).
  3. The teacher gets (angrily / angry).
  4. Mr. William feels (upset / happily).
  5. That sounds (beautifully / interesting).

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุณธรรมสำหรับครู และลักษณะครูที่ดี

หลักคุณธรรมสำหรับครู
ผู้บริหารการศึกษา ครูอาจารย์ อยู่ในฐานะที่เป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างที่ดีของนักเรียน นักศึกษา การที่ศิษย์จะเคารพนับถือและมีความศรัทธาต่อครูอาจารย์ของตนนั้น ครูอาจารย์ต้องมีคุณธรรมเป็นปัจจัยสำคัญ



คุณธรรม 4 ประการ

ประการแรก คือ การรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม
ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจ ความดี

ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด
ประการที่สี่ คือ การรู้จักละวางความเชื่อ และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง

คุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้มีความเจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว และจะช่วยใช้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังความประสงค์ ครู อาจารย์เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ควรถือปฏิบัติตามหลักคุณธรรมดังกล่าวเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ สถาบันวิชาชีพครูจะได้มีความเจริญก้าวหน้า สังคมและประเทศไทยจะได้มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

นอกจากหลักธรรม 4 ประการดังกล่าวมาแล้ว ผู้บริหาร ครู อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในสถาบันการศึกษา ยังต้องประพฤติและปฏิบัติตามหัวข้อธรรมดังกล่าว เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ และนักเรียน อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ การเรียนการสอนก็จะต้องจัดตามความมุ่งหมายของรัฐ

คุณลักษณะของครูที่ดี 10 ประการ

1. ความมีระเบียบวินัย หมายถึง ความประพฤติ ทั้งทางกายและวาจาและใจ ที่แสดงถึงความเคารพในกฎหมาย ระเบียบประเพณีของสังคม และความประพฤติที่สอดคล้องกับอุดมคติหรือความหวังของตนเอง โดยให้ยึดส่วนรวมสำคัญกว่าส่วนตัว

2. ความซื่อสัตย์สุจริตและความยุติธรรม หมายถึง การประพฤติที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ไม่เอาเปรียบ หรือคดโกงผู้อื่นหรือส่วนรวม ให้ยึดถือหลักเหตุผล ระเบียบแบบแผนและกฎหมายของสังคมเป็นเกณฑ์

3. ความขยัน ประหยัด และยึดมั่นในสัมมาอาชีพ หมายถึง ความประพฤติที่ไม่ทำให้เสียเวลาชีวิตและปฏิบัติกิจอันควรกระทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนและสังคม

4. ความสำนึกในหน้าที่และการงานต่าง ๆ รวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ หมายถึง ความประพฤติที่ไม่เอารัดเอาเปรียบสังคมและไม่ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่สังคม

5. ความเป็นผู้มีความคิดริเริ่ม วิจารณ์และตัดสินอย่างมีเหตุผล หมายถึง ความประพฤติในลักษณะสร้างสรรค์และปรับปรุงมีเหตุมีผลในการทำหน้าที่การงาน

6. ความกระตือรือร้นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีความรักและเทิดทูน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หมายถึง ความประพฤติที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือ ในการอยู่ร่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ของสังคมให้มากที่สุด

7. ความเป็นผู้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หมายถึง ความมั่นคงและจิตใจ รู้จักบำรุงรักษากายและจิตใจให้สมบูรณ์ มีอารมณ์แจ่มใสมีธรรมะอยู่ในจิตใจอย่างมั่นคง

8. ความสามารถในการพึ่งพาตนเองและมีอุดมคติเป็นที่พึ่ง ไม่ไว้วานหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นโดยไม่จำเป็น

9. ความภาคภูมิและการรู้จักทำนุบำรุงศิลปะ วัฒนธรรม และทรัพยากรของชาติ หมายถึง ความประพฤติที่แสดงออกซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมแบบไทย ๆ มีความรักและหวงแหนวัฒนธรรมของตนเองและทรัพยากรของชาติ
10. ความเสียสละ และเมตตาอารี กตัญญูกตเวที กล้าหาญ และความสามัคคีกัน หมายถึง ความประพฤติที่แสดงออกถึงความแบ่งปัน เกื้อกูลผู้อื่น ในเรื่องของเวลากำลังกายและกำลังทรัพย์

คุณลักษณะ 10 ประการนี้ เป็นทั้งแนวทางและเป้าหมายในการจัดการศึกษาและอบรมสั่งสอนนักเรียน ของสถานศึกษาทุกระดับและเจ้าหน้าที่ในสถานศึกษาต้องถือปฏิบัติด้วยเช่นกันผู้บริหารการศึกษาคือผู้ที่เป็นหัวหน้าสถานศึกษา คือ ครู อาจารย์ ผู้อำนวยการ และรวมไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย หรือรองของตำแหน่งผู้บริหารทุกระดับเป็นผู้มีความสำคัญต่อการจัดการและพัฒนาจริยศึกษาในสถานศึกษาเป็นอย่างยิ่งเพราะผู้บริหารการศึกษาเป็นทั้งผู้นำและเป็นผู้วางแผนการต่าง ๆ ในการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนทั้งหลายได้รู้จักและเข้าใจในหลักจริยธรรม ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาในระดับใดดังนั้นผู้บริหารจึงมีคุณธรรมและ

จริยธรรมตามที่กำหนดไว้สำหรับอบรมสั่งสอนนักเรียนนักศึกษาครบทุกข้อโดยเฉพาะคุณธรรมและจริยธรรมเป็นธรรมที่ผู้บริหารทุกคนจะต้องปฏิบัติและตระหนักอยู่ในใจเสมอ คือ

1. การมีความละอายในการทำความชั่ว ทำความทุจริตทั้งปวงและเกรงกลัวและสะดุ้งกลัวต่อความชั่วทั้งปวง ซึ่งคุณธรรมข้อนี้ช่วยให้โลกมีความเป็นระเบียบบเรียบร้อยไม่เดือดร้อนวุ่นวาย

2. การมีความอดทน รู้จักอดกลั้นต่อแความยากต่าง ๆ ที่คนอื่นมีต่อตนและมีความสงบเสงี่ยม และความอ่อนน้อมถ่อมตน

3. มีสติสัมปชัญญะเต็มเป็นอยู่ตลอดเวลา รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนสม่ำเสมอ ไม่มีการลืมตัวหรือละเลยต่อหน้าที่ต่าง ๆ

4. รู้จักอุปการะ คือ ทำคุณประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น นึกถึงประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง พร้อมที่จะให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้อื่น ในงานในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ไม่มีอคติในการปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานต่อศิษย์ หรือ นักเรียนและบุคคลอื่น ๆ

5. มีคุณธรรมประจำตน ในการที่ทำการงานในหน้าที่ของตนให้สำเร็จ(อิทธิบาท) 4 ประการมีความพอใจและเอาใจใส่ในหน้าที่การงานของตน มีความพากเพียรในการประกอบการงาน เอาใจใส่ในการงานไม่ทอดทิ้งและหมั่นตริตรองพิจารณาหาเหตุผลและวิธีที่จะทำให้การงานเจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ

6. มีคุณสมบัติอันประเสริฐ (พรหมวิหาร) 4 ประการ คือ มีความเมตตา ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข มีความกรุณา สงสาร คิดหาทางให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ มีมุทิตาปราบปลื้มยินดีในความสำเร็จ ความก้าวหน้าของผู้อื่นและมีอุเปกขา ความวางเฉย เห็นอกเห็นใจผู้ได้รับความทุกข์

7. มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องผูกน้ำใจผู้อื่นและบุคคลทั่วไป(สังคหวัตถุ) ๔ ประการอยู่เป็นการประจำ คือ ให้ปันสิ่งของแก่บุคคลที่ควรให้ปัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อ แผ่แก่ผู้อื่นตามสมควรแก่กรณี(ทาน) มีวาจาอ่อนหวาน สุภาพเรียบร้อย(ปิยวาจา) ประพฤติตนเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อผู้อื่นและเป็นคนไม่ถือตัวไม่ถือยศศักดิ์ เข้ากันได้กับผู้ร่วมงานทุกคน ตามความเหมาะสมตามฐานะของตน (สมานัตตา)

8. หมั่นศึกษาหาความรู้รอบตัว ให้มีความรอบรู้ เพื่อเป็นผู้ที่ทันต่อเหตุการณ์ บุคคลและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหน้าที่การงาน(พาหุสัจจะ)

9. ประพฤติตนให้ห่างจากอบายมุขหรือทางแห่งความเสื่อมต่าง ๆ ไม่กระทำตนให้เป็นผู้เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น ผู้ร่วมงาน หรือนักเรียน นักศึกษาทุกคน และบุคคลทั่วไป (ชำเลือง วุฒิจันทร์; 2524 น. 117–119)

กรรมการฝึกหัดครู (กระทรวงศึกษาธิการ กรมการฝึกหัดครู 2515 : 14–15)ได้กำหนดเกี่ยวกับสมรรถภาพในการเป็นครูว่าครูที่มีสมรรถภาพสูงนั้นควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

1. ทำการสอนให้เป็นอย่างดี

2. สามารถทำการอบรม แนะแนว และปกครองได้เป็นอย่างดี

3. ทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี

4.สร้างสัมพันธภาพได้เป็นอย่างดีและร่วมมือกับชุมชน

5. เป็นครูชั้นอาชีพโดยรู้จัก

1. เพิ่มพูนความรู้ให้แก่อาชีพอยู่เสมอ

2. เป็นสมาชิกที่ดีของทางวิชาการ

3. ยึดถือแบบธรรมเนียมของผู้เป็นครู

4. ช่วยเหลือแนะนำครูใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Reflexive verbs

Reflexive verbs
กริยาในภาษาอังกฤษที่แสดงส่งผลกลับถึงการกระทำของตัวประธานเอง โดยเป็นที่เข้าใจว่าเราหมายถึงตัวเอง นั้นจะเรียกว่า reflexive เพราะ การกระทำจะ  reflects ต่อกระทำเอง  โดยเป็น object.ของตนเอง
ตัวอย่างคำกริยา Reflexive verbs เช่น
to enjoy oneself
to hurt oneself
to kill oneself
He is bathing (himself).
to convince oneself
to deny oneself
to encourage oneself
to pay oneself
มักใช้ร่วมกับ Reflexive pronoun  ( -self)
English Reflexive Pronouns
I - myself
you - yourself
he - himself
she - herself
it - itself
we - ourselves
you - yourselves
they – themselves
ตัวอย่างประโยค
I enjoyed myself last summer.
He's trying to market himself as a consultant.
Sharon pays herself $5,000 a month.
We encourage ourselves to learn something new every week.

As an Object of a Preposition Referring to Subject   (เป็นกรรมที่อ้างอิงถึงตัวประธาน)
Examples:
Tom bought a motorcycle for himself.
They
purchased a round trip ticket to New York for themselves.
We made everything in this room by ourselves.
Jackie took a weekend holiday to be by herself.
To Emphasize Something   (เพื่อเน้นบางสิ่งบางอย่าง)
Examples:
No, I want to finish it myself! (I don't want anyone helping me.)
She insists on talking to the doctor herself. (She didn't want anyone else talking to the doctor.)
Frank tends to eat everything himself. (He doesn't let the other dogs get any food.)

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Reducing Adverbial Clauses

Reducing Adverbial Clauses

Same time

Time clauses with "while" and "when" can be reduced by deleting the subject and "be" verb.
    While I was eating dinner, I watched television. While eating dinner, I watched television. When you are in Rome, (you) do as the Romans do. When in Rome, do as the Romans do.
If there is no "be" verb, change the verb in the subordinating clause to its -ing form. Sometimes the subordinator (when or while) can be deleted as well.
    When I opened the door, I saw a strange sight. When opening the door, I saw a strange sight. Opening the door, I saw a strange sight.
Note: If the subjects are different, you may not reduce the adverbial clause.
    While I was taking a shower, my sister called from California. While taking a shower, my sister called from California.
Be careful when reducing time clauses that come at the end of sentences.
    We saw many beautiful birds while we were fishing in the lake. We saw many beautiful birds while fishing in the lake. We saw many beautiful birds fishing in the lake.
In the last sentence, the meaning is ambiguous: Are we fishing or are the birds fishing?

Different times

    After I finished my homework, I went to bed. After finishing my homework, I went to bed. After I had finished my homework, I went to bed. After having finished my homework, I went to bed. Having finished my homework, I went to bed. Before he left the dance, Jerry said good-bye to his girlfriend. Before leaving the dance, Jerry said good-bye to his girlfriend.
Other clauses
Sometimes clauses with because can be reduced.
    Because he was a doctor, George knew how to handle the situation. Being a doctor, George knew how to handle the situation. As a doctor, George knew how to handle the situation.

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การดูแลสมอง


สมองเป็นอวัยวะสั่งการการทำงานของคนเรา ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุด อย่าให้เสื่อมก่อนวัยอันควร ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีอัตราของคนที่เป็นโรคสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร ในอายุที่น้อยลง ดังนั้น เราจะมาดูแลสมองของเราด้วยกัน 9 วิธีง่ายๆ เพื่อดูแลสุขภาพสมองของเราให้สมบูรณ์

1. รับประทานอาหารเช้าเป็นกิจวัตร  จะช่วยให้รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และมีสารอาหารไปเลี้ยงสมองอย่างพอเพียง

2. ทานอาหารแต่พอดี ไม่มากเกินไปจะทำให้หลอดเลือดในสมองไม่แข็งตัวซึ่งทำให้เกิดโรคความจำสั้น

3.ไม่สูบบุหรี่ บุหรี่เป็นอีกตัวการสำคัญที่จะไปทำลายเซลล์ของเนื้อสมอง ทำให้เกิดโรคสมองฝ่อได้ง่าย

4. ลดของหวาน การกินของหวานมากไม่เพียงทำให้เกิดโรคอ้วนแล้ว ของหวานมากๆยังไปยับยั้งการดูดกลืนของโปรตีนและสารอาหารที่มีประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารในสมอง

5. หลีกเลี่ยงมลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุด การสูดอากาศที่มีมลภาวะมากเกินไปจะทำให้ ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

6. ควรนอนให้เพียงพอ และไม่นอนคลุมโปง การอดนอนมากๆจะทำให้เซลล์สอมงตาย ส่วนการคลุมโปงจะทำให้ลดออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย

7. ไม่ใช้สมองยามป่วย การฝืนสังขารไม่เป็นผลดี กลับจะทำให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง ส่งผลต่อสมองในระยะยาว

8. บริหารสมองเป็นนิจ คิดในเรื่องสร้างสรรค์ หรือ หัดทำเกมบริหารสมองเป็นต้น

9. พูดคุยสังสรรค์กับผู้คน การพูดเป็นตัวแสดงประสิทธิภาพของสมองเนื่องจากต้องขบคิดประเด็นที่จะต่อยอดการสนทนา

9 ข้อง่ายๆนี้ สามารถทำให้ชะลอการแก่ชราของสมองของเราได้บ้างพอสมควร อย่างไรก็ตาม การที่จะมีสุขภาพที่ดีได้คุณต้องทำด้วยตัวคุณเอง